ความเป็นมาของพระภูมิชัยมงคลตามคติทางศาสนาพราหมณ์ มีดังนี้
เรื่องราวการกำเนิดพระชัยมงคลมีความเป็นมาในอวตารปางที่ 5 แห่งองค์พระนารายณ์หรือพระวิษณุเทพ ในยุคนั้นทั้งมนุษย์และทวยเทพ มีการไปมาหาสู่กันอย่างง่ายดายอยู่เสมอ แต่สมัยนี้ ติดต่อกันยากลำบาก เพราะมนุษย์สมัยนี้มีความดีน้อยลงมาก บรรดาทวยเทพจึงไม่ลงมาคบหาด้วย
ในสมัยนั้นมีผู้เป็นใหญ่ที่สุดในมวลมนุษย์ ทรงพระนามว่า “ท้าวทศราช” ปกครองนคร “กรุงพาลี” ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์ทั้งหลาย ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า “พระนางสันทรทุกเทวี” มีโอรสด้วยกัน 9 พระองค์ คือ
| 1.พระชัยมงคล | 6.พระธรรมโหรา ( พระเยาวแผ้ว ) |
| 2.พระนครราช | 7.พระเทวเถร ( พระวัยทัต ) |
| 3.พระเทเพล ( พระเทเพน ) | 8.พระธรรมมิกราช ( พระธรรมมิคราช ) |
| 4.พระชัยศพน์ ( พระชัยสพ ) | 9. พระทาษธารา |
| 5.พระคนธรรพน์ |
พระโอรสทั้ง 9 พระองค์ มีความสามารถและอานุภาพมาก ในฐานะเทพ ทั้ง 9 พระองค์ มีความสามารถเท่าเทียมกัน ท้าวทศราชทรงมอบหมายให้ทั้ง 9 พระองค์ ไปดูแลสถานที่ต่างๆ แทนพระองค์
ต่อมาท้าวทศราช เกิดความโลภมาก,เห็นแก่ตัว,เบียดเบียนมนุษย์ ปกครองบ้านเมืองอย่างไร้คุณธรรม กดขี่ข่มเหงราษฎรโดยไม่กลัวบาป จนได้รับความเดือดร้อนไปทั่วทุกแห่ง นอกจากนี้ ยังรับสั่งให้พระโอรสทั้ง 9 พระองค์กระทำความผิดโดยเรียกร้องเครื่องเซ่นสังเวยต่างๆ จนราษฎรได้รับความลำบากทุกข์ยาก ไม่สามารถขัดขืนหรือหาทางออกได้
เมื่อพระศิวะมหาเทพทรงทราบเรื่องราวความเป็นมาของความเดือดร้อนของมนุษย์ จึงมีโองการให้พระนารายณ์( พระวิษณุ ) อวตารลงมาปราบพระเจ้ากรุงพาลี เมื่อพระนารายณ์อวตารลงมาจนเติบใหญ่เป็นพราหมณ์น้อย มีวิชาความรู้ ได้เดินทางมาเฝ้าท้าวทศราช เมื่อท้าวทศราชเห็นพราหมณ์น้อยน่าเลื่อมใส และถามพราหมณ์น้อยว่า ต้องการอะไรเป็นการบูชา พราหมณ์น้อยจึงออกอุบายขอที่เพียง 3 ก้าวเท่านั้น ท้าวทศราชตรัสรับปาก พราหมณ์น้อยจึงขอให้ท้าวทศราชหลั่งน้ำอุทกธารา ในขณะที่กำลังหลั่งนั้น พระศุกร์ ผู้เป็นอาจารย์ของท้าวทศราชรู้ทันอุบายของพราหมณ์น้อย ได้แปลงกายเข้าไปอุดรูน้ำไว้ พราหมณ์น้อยจึงเอาปลายหญ้าคาแยงเข้าถูกนัยน์ตาของพระศุกร์เข้า พระศุกร์เจ็บปวดจนทนไม่ไหวเหาะหนีไปน้ำจึงไหลออกมา
หลังจากนั้นพราหมณ์น้อยก็แสดงอิทธิฤทธิ์กลับคืนสู่ร่างเดิมซึ่งใหญ่โตกว่าปราสาทราชมณเฑียร เมื่อย่างก้าวเพียง 3 ก้าว ก็กินอาณาบริเวณกรุงพาลีทั้งหมด ท้าวทศราชเห็นก็ทรงก้มกราบลงขอขมาพระนารายณ์ทันที ( พราหมณ์น้อย ) พระนารายณ์ ทรงขับไล่ท้าวทศราช,พระนางสันทรทุกเทวีและพระโอรสทั้ง 9 พระองค์ ให้ไปอยู่นอกเขตป่าหิมพานต์ นับจากนั้นราษฎรก็อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
ฝ่ายท้าวทศราช,พระมเหสีและพระโอรส ต้องพบกับความยากลำบากแสนสาหัส ด้วยสภาพเช่นนี้ทำให้ท้าวทศราชและพระโอรสสำนึกถึงความผิดของตนที่ได้กระทำไว้แต่หนหลัง ท้าวทศราชจึงได้พาพระโอรสทั้ง 9 ไปเข้าเฝ้าพระนารายณ์เพื่อขออภัยโทษและแสดงความสำนึกผิดอย่างแท้จริงและปวารณาตนว่าจะตั้งอยู่ในศีลธรรม ประกอบกรรมดี มีจิตใจเผื่อแผ่ พระนารายณ์เห็นจิตอันแรงกล้าจึงอภัยโทษให้และอนุญาตให้ท้าวทศราชและพระโอรสทั้ง 9 กลับมาอยู่ที่กรุงพาลีได้ดังเดิม แต่ไม่ใช่ฐานะกษัตริย์ แต่ให้ประทับอยู่บนศาลที่มีเสาเพียง 1เสาปักลงบนผืนดิน และจะต้องปฏิบัติตามคำสัญญาอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นจะไม่ให้อยู่ในโลกอีกต่อไป
ความเป็นมาของพระภูมิชัยมงคลตามคติทางพระพุทธศาสนา มีดังนี้
ตำนานความเป็นมาของพระภูมิไนพระชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้าเมื่อยังทรงเป็นพระโพธิ์สัตว์ เสด็จออกบวช และประทับบำเพ็ญญาณสมาบัติใต้ต้นไทรใหญ่ จนตกกลางคืนก็ปรากฎภูมิเทวดาทรงพระนามว่า พระเจ้ากรุงพาลี ซึ่งไม่พอใจที่พระโพธิ์สัตว์มาบำเพ็ญบารมีในถิ่นตนจึงขับไล่ พระโพธิ์สัตว์จึงขอพื้นดินของพระเจ้ากรุงพาลี 3 ก้าวเพื่อใช้บำเพ็ญบารมีต่อไป ฝ่ายพระเจ้ากรุงพาลีเห็นว่าเล็กน้อยจึงถวายให้ พระโพธิ์สัตว์ก็ทรงแสดงอิทธิฤทธิ์ก้าว 3 ก้าว ก็กินอาณาบริเวณพื้นที่ของพระเจ้ากรุงพาลีจนหมดสิ้น ทำให้พระเจ้ากรุงพาลีไม่มีที่อาศัยต้องออกไปอยู่นอกเขตมนุษย์ ทำให้ลำบากยากเข็ญจนทนไม่ไหว จึงให้คนใช้ 3 คน( นายจันถี,นายจันทิศและนายจันสพ ) พระเชิงเรือนไปขอแบ่งที่ดินจากพระโพธิ์สัตว์ พระโพธิ์สัตว์ก็ทรงประทานให้และทรงสั่งสอนให้พระเจ้ากรุงพาลีตั้งมั่นในความสุจริตไม่เบียดเบียนผู้อื่น คอยคุ้มครองมนุษย์และสัตว์โลกตลอดไปและหากกระทำการมงคลใดๆ จะต้องทำพิธีบูชาพระเจ้ากรุงพาลีในฐานะเจ้าของที่ จึงจะประสบความสำเร็จมีความสุข,เจริญรุ่งเรือง
ความเป็นมาของพระภูมิตามคติพราหมณ์และคติพุทธ
มีความคล้ายคลึงกัน โอรสแต่ละพระองค์ของท้าวทศราช จะต้องมีหน้าที่คอยปกครองดูแลสถานที่ต่างๆ แตกต่างกันไป ดังนี้
- พระชัยมงคล ทรงฉลองพระองค์อย่างกษัตริย์หรือเทพารักษ์โดยทรงสวมชฎาทรงสูง สวมพระภูษาห้อยชายมีสายธุรำ และสายสังวาลย์ ทรงสวมกำไล,ปั้นเหน่งและพาหุรัด สวมฉลองพระบาทเชิงงอน พระหัตถ์ซ้ายทรงถือถุงเงิน พระหัตถ์ขวาทรงถือพระขรรค์ ปกครองดูแลเคหสถานบ้านเรือนและร้านโรงต่างๆ
- พระนครราช ทรงฉลองพระองค์เช่นเดียวกับพระภูมิชัยมงคลแต่พระหัตถ์ซ้ายถือช่อดอกไม้ ดูแลปกครองป้อม,ค่าย,ประตูเมือง,หอรบและบันไดต่างๆ
- พระเทเพล หรือ พระเทเพน ทรงฉลองพระองค์เช่นเดียวกับพระภูมิชัยมงคล แต่พระหัตถ์ซ้ายถือหนังสือหรือคัมภีร์ ปกครองดูแลฟาร์ม,ไร่และคอกสัตว์ต่างๆ
- พระชัยศพน์ หรือพระชัยสพ ทรงฉลองพระองค์เช่นเดียวกับพระภูมิชัยมงคล แต่พระหัตถ์ขวาถือหอก พระหัตถ์ซ้ายวางแนบอยู่บริเวณพระสะเอว ปกครองดูแลเสบียง,คลังและยุ้งฉางต่างๆ
- พระคนธรรพน์ ทรงฉลองพระองค์เช่นเดียวกับพระภูมิชัยมงคล แต่พระหัตถ์ซ้ายถือผะอบ ปกครองดูแลพิธีวิวาห์, เรือนหอและสถานบันเทิงต่างๆ
- พระธรรมโหรา หรือ พระเยาวแผ้ว ทรงฉลองพระองค์เช่นเดียวกับพระภูมิชัยมงคล แต่พระหัตถ์ซ้ายแพนหางนกยูง ปกครองดูแลโรงนา,ป่าเขา,ลำเนาไพรและเรือกสวนต่างๆ
- พระเทวเถร หรือ พระวัยทัต หรือ พระเทวเถรวัยทัต ทรงฉลองพระองค์เช่นเดียวกับพระภูมิชัยมงคลแต่พระหัตถ์ขวาถือธารพระกร ( ไม้เท้า ) ปกครองดูแลปูชนียสถาน,เจดีย์และวัดวาอารามต่างๆ
- พระธรรมมิกราช หรือ พระธรรมมิคราช ทรงฉลองพระองค์เช่นเดียวกับพระภูมิชัยมงคล แต่พระหัตถ์ซ้ายถือพวงมาลา ปกครองดูแลกิจต่างๆ อันเกี่ยวกับพืชพันธุธัญญาหารทั้งปวงและพระราชอุทยาน
- พระทาษธารา ทรงฉลองพระองค์เช่นเดียวกับพระภูมิชัยมงคล แต่พระหัตถ์ไม่ได้ถืออะไร ปกครองดูแลบึง, ห้วยหนอง,คลองและลำธารต่างๆตลอดจนน้ำที่ตกลงมาจากฟ้า
รายนามพระภูมิทั้ง 9
ลักษณะของพระภูมิในประติมานวิทยาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน จะทรงฉลองพระองค์อย่างพระมหากษัตริย์ไทย ทรงสวมชฎา สวมพระภูษาห้อยชายมีสายธุรำ และสายสังวาลย์ ทรงสวมกำไล,ปั้นเหน่งและพาหุรัด สวมฉลองฉลองพระบาทเชิงงอนอันแสดงถึงความมั่งคั่งร่ำรวยและความสูงศักดิ์.
| นามะภูมิบุรุษ | นามชายาพระภูมิ หรือ พระภูมิสตรี | เทพอาวุธสัญญาลักษณ์พระภูมิบุรุษ | เทพอาวุธสัญญาลักษณ์ชายาพระภูมิ หรือ พระภูมิสตรี | บทบาทและสถานที่รักษา | หมายเหตุ |
|---|---|---|---|---|---|
| พระชัยมงคล | นางภูมไชยา หรือ ภูมชายา | หัตถ์ซ้ายทรงถือถุงเงิน หัตถ์ขวาทรงถือพระขรรค์ (พระภูมิบุรุษ) | หัตถ์ซ้ายทรงดอกบัวตูม หัตถ์ขวาทรงไถ้(ถุงมีสายหิ้งมีฝาปิด)(พระภูมิสตรี) | ปกครองดูแลเคหสถานบ้านเรือนและร้านโรงต่าง ๆ | นิยมบูชาตามบ้านเรือนและพระราชวังทั่วไป. |
| พระนครราช หรือ พระธรรมโหรา | นางภูมมาลา | หัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ หัตถ์ซ้ายทรงพุ่มกอไม้ หรือ ช่อดอกไม้ (พระภูมิบุรุษ) | หัตถ์ขวาทรงปุษษะมาลา(พวงมาลัย) หัตถ์ซ้ายทรงไม้พลองห้อยลง(พระภูมิสตรี) | ดูแลปกครองป้อม,ค่าย,ประตูเมือง,หอรบและบันไดต่าง ๆ | ได้รับการสถาปนาเป็นหนึ่งในเทพารักษ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ. |
| พระเทเพน หรือ พระเยาวะแผ้ว | นางทิพมาลี | หัตถ์ขวาทรงหอกสั้น หรือ พระขรรค์ หัตถ์ซ้ายทรงคัมภีร์(พระภูมิบุรุษ) | หัตถ์ขวาทรงปาศะ(เชือก) หัตถ์ซ้ายทรงกำหญ้า(พระภูมิสตรี) | ดูแลฟาร์ม,ไร่และคอกสัตว์ต่าง ๆ | |
| พระชัยศพณ์ หรือ พระสัพพคนธรรพ์ | นางศรีประภา | หัตถ์ขวาทรงแสงหอกยาว หัตถ์ซ้ายทรงวางไว้ข้างองค์(พระภูมิบุรุษ) | หัตถ์ขวาทรงคะนาน หัตถ์ซ้ายทรงย่าม(พระภูมิสตรี) | ปกครองดูแลเสบียง,คลังและยุ้งฉางต่าง ๆ | มีหน้าที่ลักษณะเดียวกับพระไพรศพณ์และแม่พระโพสพ. |
| พระคนธรรพ์ | นางสุปริยา | หัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ หัตถ์ซ้ายทรงหม้อกุมภะ(พระภูมิบุรุษ) | หัตถ์ขวาทรงหม้อกุมภะ หัตถ์ซ้ายทรงช่อดอกกุหลาบ(พระภูมิสตรี) | โรงพิธีงาน โรงพิธีแต่งงาน เรือนหอ สถานที่จัดงานมงคล | |
| พระธรรมโหรา หรือ พระนาคราช | นางขวัญข้าวกร้า | หัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ หัตถ์ซ้ายทรงรวงข้าว(พระภูมิบุรุษ) | หัตถ์ขวาทรงเคียว หัตถ์ซ้ายทรงรวงข้าว(พระภูมิสตรี) | เรือกสวนไร่นา ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ | |
| พระเทวเถร หรือ พระวัยทัต | นางดอกไม้ทอง | หัตถ์ขวาทรงปฏัก หัตถ์ซ้ายทรงวางไว้ข้างองค์(พระภูมิบุรุษ) | หัตถ์ขวาทรงดอกพุทธรักษาเคียว หัตถ์ซ้ายทรงธูปเทียน(พระภูมิสตรี) | ครองวัดวาอาราม ปูชนียสถาน พระเจดีย์ พระพุทธรูปสำคัญ. | |
| พระพระธรรมิกราช | นางพุ่มไม้ไพร | หัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ หัตถ์ซ้ายทรงปุษษะมาลา(พวงมาลัย)(พระภูมิบุรุษ) | หัตถ์ขวาทรงหวีกล้วย หัตถ์ซ้ายทรงดอกแคและดอกตูม(พระภูมิสตรี) | พืชพรรณธัญญาหารต่าง ๆ | |
| พระทาษธารา หรือ พระธาตุธาร,ทาสธารา | นางรินระรื่น | หัตถ์ขวาถือหอกสั้น หัตถ์ซ้ายวางไว้ข้างองค์(พระภูมิบุรุษ) | หัตถ์ขวาถือดอกบัวบาน หัตถ์ซ้ายถือหอยยอด หรือหอยสังข์(พระภูมิสตรี) | ปกครองดูแลบึง, ห้วยหนอง,คลองและลำธารต่าง ๆ ตลอดจนน้ำที่ตกลงมาจากฟ้า แม่น้ำทะเล |


